![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjgn3TDYyUeeq_kDAAKvis7FK2TbgrkHKvHFwYZX2lqONcCUshNWZQsXnzTYoVxMvG9-aMBJAZBx3ofKgkzazVcLsu5Qkb_YkCOckdFAaWw9Q40SgOPpklYKgLcQA9fqiPoHdAiOLuLEpc/s320/MARGIN+CALL+%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94+%5BMaster%5D.jpg)
หนึ่งในพนักงานที่ถูกปลดคือ อีริค เดล (สแตนลี่ย์ ตุุชชี่) พนักงานจากฝ่ายบริหารความเสี่ยง และก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้มอบยูเอสบีไดร์ฟเกี่ยวกับโปร์เจคที่เขากำลังทำอยู่ให้กับปีเตอร์ไว้ และบอกกับปีเตอร์ว่า “ระวังตัวให้ดี”
ในคืนนั้นเอง ปีเตอร์พยายามศึกษาข้อมูลจากยูเอสบีไดร์ฟดังกล่าวจนพบว่า ธุรกิจของบริษัทกำลังเผชิญกับภาวะความเสี่ยงที่ผันผวนในระดับที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ และเพราะความซับซ้อนของหลักทรัพย์ จึงทำให้ก่อนหน้านี้ ความเสี่ยงนี้ได้รอดพ้นจากเกณฑ์ที่ตั้งไว้และไม่ถูกแจ้งเตือน ซึ่งหากราคาของหลักทรัพย์กลุ่มนี้ลดไปเพียง 25% บริษัทจะล้มละลายทันที ปีเตอร์และ วิลล์จึงรีบแจ้งให้ผู้บริหาร แซม โรเจอร์ส
ทุกคนที่เหลือในบริษัทถูกเรียกประชุมฉุกเฉินในคืนนั้นรวมทั้ง จาเร็ค โคเฮ็น (Simon Baker)หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ และหัวหน้าฝ่ายควบคุมความเสี่ยง ซาร่า โรเบิร์ตสัน (Demi Moore) ต่างต้องวางหมากอย่างแนบเนียนว่าจะรับมือกับสถานการณ์วิกฤตินี้อย่างไร โดยที่พวกเขาก็ไม่รู้ถึงชะตากรรมของตัวเองเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน CEO จอห์น ทัลด์ (Jeremy Irons จาก The Man in the Iron Mask) ได้ตัดสินใจให้แซม โรเจอร์ส (Kevin Spacey) รับผิดชอบการขายหลักทรัพย์นี้เกือบทั้งหมดในเช้าวันรุ่งขึ้น แซมต้องต่อสู้ระหว่างความกดดันจากทัลด์และความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เขาจะตัดสินใจทำตามแผนของทัลด์หรือไม่ และจะทำได้อย่างไร โปรดลุ้นติดตามได้ใน ‘Margin Call เงินเดือด’